วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



                     จากการได้เข้าร่วมโครงการเอกชน ในวันที่ 6  กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561  ณ co op จังหวัดสุราษฎร์ธานี  โดยศึกษาความรู้ในหัวข้อการเรียนการสอนแบบ 3 วิธี  ได้แก่  การสอนแบบอิสระ  การสอนแบบบุคคลต้นแบบ  และการสอนแบบอุปนัย  ในรายการจัดการเรียนรู้และวิชาการจัดการชั้นเรียน  ECI0402  โดยมีอาจาย์ประจำรายวิชา คือ อ.อัญชลี  แสงอาวุธ กลุ่มของข้าพเจ้านักศึกษาคณะครุศาสตร์  สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่2 จึงได้สอบถามอาจารย์ผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการสอน  การประยุกต์ใช้  การวางแผนการสอน รวมถึงการใช้สื่อในการสอนที่ประยุกต์ใช้ในห้องเรียนเป็นต้น  ดังนี้


กานสอนแบบอิสระ

              การศึกษาอิสระ หรือ การค้นคว้าอิสระ (independent study หรือ directed study) เป็นการศึกษารูปแบบหนึ่งที่ผู้เรียนศึกษา ค้นคว้า วิจัย อย่างอิสระในหัวข้อที่ตกลงกัน นอกเหนือจากการเรียนในชั้นเรียนตามหลักสูตรปกติของสถานศึกษ
               หัวข้อที่ศึกษาขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้เรียนและอาจารย์ภายใต้กรอบที่สถานศึกษากำหนด ซึ่งมักกำหนดสาขาวิชาที่ให้ศึกษา ระยะเวลา ความยากง่าย ปริมาณเนื้องานที่ต้องศึกษาและวิธีการประเมินผลเอาไว้ โดยปกติก่อนเริ่มทำการศึกษาต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาหรืออาจารย์ประจำวิชาศึกษาอิสระรับรองหัวข้อนั้นก่อน           ซึ่งอาจการรับรองดังกล่าวแตกต่างกันไปตามบริบท เช่น 
       
         -  รับรองว่าตนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษาในหัวข้อนั้น
         -  รับรองว่าผู้เรียนมีความสามารถเพียงพอที่จะศึกษาหัวข้อดังกล่าวได้ด้วยตนเอง
         -  รับรองว่าหัวข้อนั้นมีความสำคัญเหมาะสมกับวิชาการศึกษาอิสระในระดับที่ผู้เรียนศึกษาอยู่

         เมื่อได้หัวข้อ ผู้เรียนทำการศึกษาในเรื่องที่ได้รับอนุมัติให้ศึกษาด้วยตนเองภายใต้การกำกับดูแลของที่ปรึกษา ระดับของการกำกับดูแลอาจมากน้อยต่างกันตามข้อกำหนดของวิชาการศึกษาอิสระในระดับที่ศึกษาอยู่ โดยทั่วไปในระดับมัธยมศึกษามักต้องการคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากที่ปรึกษา ในขณะที่ผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษาอาจได้รับคำปรึกษาที่ค่อนข้างจำกัด

              เมื่อเสร็จสิ้นการศึกษามักมีการประเมินผลโดยให้ผู้เรียนทำรายงานสรุปผลการศึกษาและหรือนำเสนอปากเปล่า ผลการเรียนของการศึกษาอิสระอาจเป็นคะแนนระดับต่างๆ หรือ ให้แต่เพียงผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้

จากโครงการการศึกษาเอกชน  👩🏫

              ขั้นตอนการสอนการศึกษาแบบอิสระของโรงเรียนเอกชนนอกระบบสุราษฎร์ธานี  นางสาวพัชราภรณ์  แย้มแก้ว อาจารย์สอนการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ กล่าวถึงขั้นตอนการสอน  ดังนี้

        1)  มีการใช้แผนการสอนพื้นฐานในการสอนทฤษฎีและขั้นตอนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ก่อนลงมือปฏิบัติจริง
        
        2)  การให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติในการเขียนโปรแกรม โดยเขียนผ่านสื่อคอมพิวเตอร์  ซึ่งห้องที่ใช้เป็นห้องคอมพิวเตอร์  และต้องมีโปรแจคเตอร์  
      
        3)  ประเมินผลจากการเขียนโปรแกรมของผู้เรียน  โดยประเมินผ่านผลงานและจากการสังเกตการณ์  แล้วจึงปรับปรุงแก้ไขเมื่อเด็กไม่เข้าใจ


                👉👉👉   สื่อนวัตกรรมที่ใช้ในการสอนผู้เรียนของโรงเรียนเอกชนนอกระบบสุราษฎร์ธา คือ  หุ่นยนต์  เรียกว่า stem  เป็นการให้เด็กลงมือทำซ้ำๆเพื่อให้เกิดความสำเร็จของผลงาน  การใช้หุ่นยนต์เป็นการสอนที่ไม่มีในหลักสูตรขั้นพื้นฐานทั่วไป  เป็นการสอนที่ก้าวทันยุคศัตรวรรษที่ 21 ในปัจจุบัน


ภาพหุ่นยนต์ที่ใช้เป็นสื่อในการสอน


ภาพรวมกับอาจารย์ผู้ให้ความรู้


>>>> คลิปการให้ความรู้การสอนแบบอิสระโดยใช้หุ่นยนต์  <<<<






การสอนแบบบุคคลต้นแบบ

                การจัดการศึกษาว่าด้วย การมีต้นแบบที่ดีย่อมเป็นกำลังใจ ครูควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีชี้นำทางสว่างแก่ศิษย์ ต้นแบบแห่งการเรียนรู้มีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ ต้นแบบสอนให้รู้ ต้นแบบทำให้ดู และต้นแบบอยู่ให้เห็น หากครูเป็นต้นแบบที่ดี เป็นกัลยาณมิตรของศิษย์และเพื่อนครู ก็ย่อมจะเกิดผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ เกิดครูดี ศิษย์ดีต่อเนื่องขยายวงต่อ ๆ กันไป 
จากโครงการการศึกษาเอกชน  👩🏫


                 ขั้นตอนการสอนการศึกษาแบบการศึกษาบุคคลต้นแบบของโรงเรียนอนุบาลงามทอง  นางสาวจารีย์  เนาวรัตน์  อาจารย์สอนรายวิชาวิทยาศาสตร์โดยการใช้โมเดลเป็นสื่อ  กล่าวถึงขั้นตอนการสอน  ดังนี้  
                  1)  การเชิญนักปราชญ์ชาวบ้านที่มีควารู้เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนมาให้ความรู้แก่ผู้เรียนได้เห็นและทดลองปฏิบัติจริง
           
                  2)  นำความรู้ที่ได้จากปราชญ์ผู้ให้ความรู้มาจัดทำเป็นความรู้รวยยอดอีกครั้งหนึ่ง  โดยการให้ผู้เรียนสรุปความรู้ที่ได้จากการฟังและลงมือทดลอง  อาจเป็นการสร้างชิ้นงาน หรือการทำมายแมพ 

                  👉👉👉  สื่อนวัตกรรมที่ใช้ในการสอนผู้เรียนของโรงเรียนอนุบาลงามทอง คือ  โมเดลจำลองสื่อการสอนทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ  เป็นการให้เด็กลงมือสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ได้จากการเรียนรู้จากบุคคลต้นแบบและสร้างเป็นผลงานที่เป็นโมเดล  เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการสัมผัสจริงจากการย่อส่วนผลงานให้อยู่ในรูปของโมเดล


 ภาพกับอาจารย์ผู้ให้ความรู้การสอนแบบใช้บุคคลต้นแบบ

>>>> คลิปการให้ความรู้การสอนแบบอิสระโดยใช้หุ่นยนต์  <<<<

กานสอนแบบอุปนัย

                  วิธีสอนโดยใช้การอุปนัย  หมายถึง  เป็นการสอนรายละเอียดปลีกย่อยไปหากฎเกณฑ์  หรือสอนจากตัวอย่างไปหากฎเกณฑ์  นั่นคือ  นักเรียนได้เรียนรู้ในรายละเอียดก่อนแล้วไปสรุป  ตัวอย่างของวิธีสอนนี้  ได้แก่  การให้โอกาสนักเรียนในการศึกษาค้นคว้าสังเกต  ทดลอง  เปรียบเทียบแล้วพิจารณาค้นหาองศ์ประกอบที่เหมือนกัน  หรือคล้ายคลึงกันจากตัวอย่างต่างๆเพื่อนำมาเป็นข้อสรุป

จากโครงการการศึกษาเอกชน  👩🏫

                  ขั้นตอนการสอนแบบอุปนัยของโรงเรียนอนุบาลกองบิน7  นางสาวยุพยง  ลาพันธ์ อาจารย์สอนวิชาศิลปะ โดยการใช้ดินน้ำมันเป็นสื่อในการเรียนรู้  กล่าวถึงขั้นตอนการสอน  ดังนี้

                  1)  ใช้การอธิบายในส่วนของทฤษฎีถึงขั้นตอนการทำก่อนลงมือปฏิบัติ

                  2)  ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง  ได้สัมผัสจริง  โดยผู้สอนคอยสังเกตเป็นระยะ

                  3)  ทำการประเมินผลในสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้และนำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้เรียนมากขึ้น

                 👉👉👉  สื่อนวัตกรรมที่ใช้ในการสอนผู้เรียนของโรงเรียนอนุบาลกองบิน7 คือ  ดินน้ำมันที่ใช้ในการสอนวิชาศิลปะ  ให้เด็กได้ลงมือทดลองปั้นดินน้ำมันเป็นรูปเครื่องบินลักษณะต่างๆตามที่ได้เรียนรู้จากทฤษฎีมาจากผู้สอนมาแล้ว


ภาพกับอาจารย์ผู้ให้ความรู้


>>>> คลิปการให้ความรู้การสอนแบบอิสระโดยใช้หุ่นยนต์  <<<<

https://www.youtube.com/watch?v=rkMfPVlT1RI&feature=youtu.be


                      สรุปได้ว่าจากการสอบถามข้อมูลทั้งสามวิธีการสอนนี้พบว่า  มีการสอนทฤษฎีให้ผู้เรียนก่อน  แล้วจึงให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง  เพื่อที่ผู้เรียนจะได้รับความรู้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  เพราะได้เกิดการทดลองปฏิบัติจริง  ทำให้จดจำการเรียนรู้นั้นๆได้นาน  และเป็นการนำเอาความรู้ใหม่ๆที่ก้าวทันต่อยุคสมัยมาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ เป็นต้น









                 
นางสาวนันทิตา ว่องธารักษ์ ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๐๖
นางสาวมนรดา  พลรบ ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๑๕
นางสาวมลิวัลย์  เเก้ววงศ์ ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๑๖
นางสาววรรณิศา  สีทองเเก้ว ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๑๙
นางสาวศจิณันท์  นวนกุล ๕๙๑๕๑๐๕๐๐๑๑๒๓
นางสาวอารียา  ปทะวานิช ๕๙๑๕๑๐๔๐๐๑๑๒๘
กลุ่มเรียน ๕๙๐๐๙.๑๕๑ สาขาวิชาภาษาไทย
คณะครุศาสตร์




วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

เหตุผลที่ควรเลี้ยงแมว


      
  ประโยชน์ของการเลี้ยงแมว ที่น่าจะเป็นเหตุผลดี ๆ สำหรับทาสแมว ที่จะมีเหมียวน้อยเข้ามาวนเวียนเป็นเพื่อนรู้ใจอยู่ในชีวิต ลองไปอ่านประโยชน์ของการเลี้ยงแมวกันเลย

          หากคุณคิดว่าแมวเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาที่แทบไม่ได้สร้างประโยชน์ใด ๆ ให้กับเจ้าของเหมือนสุนัขแล้วละก็ อาจจะต้องกลับไปทบทวนมุมมองกันใหม่อีกครั้งเสียแล้ว เพราะในวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลจาก Distractify มาทำให้ทุกคนมองเห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวในมุมมองที่แตกต่างออกไป และประโยชน์ที่ว่านี้ก็มากกว่าคอยเป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อนแก้เหงา และบางเรื่องก็อยู่เหนือสิ่งที่ทุกคนจะคาดคิดถึงด้วย
 1. แมวเสมือนยาวิเศษช่วยบำบัดความรู้สึก

          แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายาก ๆ ของชีวิตไปได้ อย่างเช่น หลังการสูญเสียคนรัก โดยการพูดคุยปัญหากับแมว เพราะแมวจะไม่ซ้ำเติมความผิดพลาด หรือตัดสินคุณเหมือนการบอกกล่าวกับคน แต่แมวจะรับฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจ ดังนั้นแมวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำบัด ที่จะทำให้ความเจ็บปวดภายในให้หายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

 2. ผู้ที่เลี้ยงแมวฉลาดกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข

          มหาวิทยาลัยคาโรล ในรัฐวิสคอนซิน เผยว่า หลังการทดสอบไหวพริบระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขพบว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีไหวพริบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนักจิตวิทยาเชื่อว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะสืบเนื่องมาจาก ผู้ที่เลี้ยงแมวให้ความสนใจเรื่องรอบข้างมากกว่า เหมือนนิสัยของแมวนั่นเอง

 3. แมวช่วยพลิกหน้าประวัติศาสตร์

          ย้อนกลับไปเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนการสู้รบที่เมืองเพลูเซียม ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอียิปต์ในสมัยนั้น กษัตริย์แคมไบซิสที่ 2 หรือกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้สั่งให้วาดรูปแมวลงบนโล่ของเหล่าทหาร พร้อมกับให้ทหารแห่แมวนำหน้าทัพ ซึ่งเมื่อชาวอียิปต์ที่ยกย่องแมวเหนือสิ่งอื่นใดได้เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้าสู้รบปรบมือด้วย เพราะกลัวจะทำให้เทพพิโรธ สุดท้ายจำต้องยอมถอยทัพ และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด

 4. ลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวาย

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมินิโซตาพบว่า การเลี้ยงแมวทำให้ระดับความเครียดน้อยลง เช่นเดียวกับการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว



5. แมวเข้ากันได้ดีกับทุกคน

          ส่วนความคิดที่ว่าสุนัขเป็นเพื่อนกับคนได้ดีกว่าแมวก็ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์พบว่า แมวสามารถเข้ากับคนในครอบครัวเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แมวจะทำเช่นนั้นกับคนที่แสดงความเมตตา รักใคร่ และเอ็นดูกับพวกมันก่อน

 6. ทาสแมวเป็นคนเปิดเผย อ่อนไหว และคิดนอกกรอบมากกว่า
          การศึกษาจากในซานฟรานซิสโกระบุว่า บุคลิกลักษณะระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขมีความแตกต่างกันมากทีเดียว ซึ่งความแตกต่างก็เกิดขึ้นจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขานั่นเอง โดยพบว่าผู้ที่เลี้ยงแมวเป็นคนที่เปิดเผย อ่อนไหว และมีความคิดนอกกรอบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนิสัยของแมวก็มีส่วน

 7. แมวมีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ น้อยกว่าสุนัข

          นอกจากนี้ยังมีรายงานจากแหล่งข่าวอีกว่า การดูแลและให้อาหารสุนัขสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เทียบเท่ากับได้กับรถยนต์ ในขณะที่แมวซึ่งเป็นสัตว์ที่กินน้อย และอาหารที่แมวกินส่วนใหญ่ก็ยังเป็นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงทำให้มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า โดยมีขนาดเทียบเท่ากับลูกกอล์ฟเท่านั้นเอง

 8. แมวสามารถผูกมิตรกับเด็ก ๆ ได้ดี

          จากการศึกษาพบว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่กับแมว มักจะระบายความรู้สึกกับแมวมากกว่าเพื่อนหรือพ่อแม่ ในขณะที่เด็กอีกกว่า 87 เปอร์เซ็นต์เห็นแมวเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง